ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ “ยาปฏิชีวนะ” มันคืออะไร ต่างจากยาปกติอย่างไร และเป็นยาชนิดเดียวกับยาแก้อักเสบหรือไม่ มีคำตอบจาก ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาบอกกัน
ยาปฏิชีวนะ คืออะไร?
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) คือ ยารักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย แต่มักถูกเรียกอย่างผิดๆ ว่า ยาแก้อักเสบ เช่น ทอนซิลอักเสบเป็นหนอง
ยาแก้อักเสบ คืออะไร?
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ระบุว่า ยาแก้อักเสบ หรือ ยาต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory drugs) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ลดการอักเสบ ลดไข้ บรรเทาปวด ลดบวมแดง เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
เมื่อไรถึงควรกินยาปฏิชีวนะ?
- ใช้ยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่องตามระยะเวลาที่เหมาะสม หรือที่แพทย์แนะนำ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียก่อโรคให้หมดไป
- ไม่หยุดยาก่อนเวลาอันควร เพราะจะทำให้เชื้อโรคไม่ถูกกำจัดไปจนหมด โรคหายไม่สนิท และกลับมาเป็นซ้ำ รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการดื้อยาของแบคทีเรีย ที่เป็นต้นเหตุของโรค
- ควรกินยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลเสมอ คือกินเมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่กินหากเป็นโรคติดเชื้อไวรัส
- ไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะต่อจนหมด หากพบว่าเป็นการกินยาปฏิชีวนะอย่างไม่สมเหตุสมผล เช่น กรณีกินยาปฏิชีวนะไปแล้ว และต่อมาพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก หรือไข้ปวดข้อยุงลาย (ชิคุนกุนยา) เพราะการกินยาปฏิชีวนะต่อไปไม่เกิดประโยชน์ มีแต่โทษ
โทษของการกินยาปฏิชีวนะอย่างไม่สมเหตุสมผล คือ
- เสี่ยงต่ออันตรายของยาโดยไม่เกิดประโยชน์ในการรักษา
- รบกวนแบคทีเรียดีในร่างกาย และชักนำให้กลายเป็นแบคทีเรียร้ายที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ
ข้อควรจำ: อย่ากินยาปฏิชีวนะอย่างเดาสุ่ม โปรดจำให้แม่นว่าโรคส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย
ที่มา:sanook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น