วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2564

"เจ็บคอ" แบบไหน กินยาปฏิชีวนะได้

 การกินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการเจ็บคอทั้งที่ไม่จำเป็น เป็นหนึ่งในพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า คนส่วนใหญ่ (ร้อยละ 80) มักมีอาการเจ็บคอจากไวรัส ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ (ยาต้านแบคทีเรีย) ในการรักษา เพราะนอกจากจะไม่ส่งผลต่อการรักษาแล้วยังอาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาด้วย


"เจ็บคอ" แบบไหน กินยาปฏิชีวนะได้

เจ็บคอจากการติดเชื้อไวรัส ไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ

มีอาการดังนี้


  • คอแดง
  • ทอนซิลบวมแดง

พร้อมอาการร่วมที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่


  • มีไข้ต่ำๆ
  • ไอ
  • น้ำมูกไหล
  • เสียงแหบ
  • อ่อนเพลีย

อาการเจ็บคอจากเชื้อไวรัส สามารถพบได้บ่อยกว่า จากการเจ็บคอเพราะเป็นไข้หวัดธรรมดา ควรพักผ่อน และดื่มน้ำให้เพียงพอ สามารถกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เพื่อบรรเทาอาการระคายคอ ถ้าไอหรือมีน้ำมูกมาก อาจกินยาแก้ไอหรือยาแก้แพ้ โดยทั่วไปมักหายเองได้ภายใน 7-14 วัน


เจ็บคอจากการติดเชื้อจากแบคทีเรีย อาจต้องได้รับยาปฏิชีวนะ

มีอาการดังนี้


  • คอแดง
  • มีจุดหนองที่ต่อมทอนซิล
  • ทอนซิลบวมแดง

พร้อมอาการร่วมที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่


  • มีไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียส
  • ไม่มีอาการไอ
  • ต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรหน้า บวมโตขึ้นหรือกดเจ็บ

อาการเจ็บคอจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้ไม่บ่อยเท่าเจ็บคอจากเชื้อไวรัส ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อประเมินความจำเป็นของการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ


ทั้งนี้ ยาต้านจุลชีพ ได้แก่ ยาต้านแบคทีเรียหรือยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส ยาต้านเชื้อรา ยาต้านปรสิต 


พวกเราทุกคนสามารถลดเชื้อดื้อยาได้ โดยหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะเสี่ยงทำให้เกิดเชื้อดื้อยา


  • ซื้อยาต้านจุลชีพกินเอง เช่น ยาต้านแบคทีเรียหรือยาปฏิชีวนะ 
  • ซื้อยาต้านจุลชีพตามคนอื่น
  • รับประทานยาต้านจุลชีพไม่ครบขนาดหรือระยะเวลาการรักษา
  • ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของการรับประทานยาต้านจุลชีพที่ถูกต้องและเหมาะสม
  • อมยาอมที่ผสมยาฆ่าเชื้อ
  • เอายาต้านจุลชีพชนิดรับประทานมาโรยแผล
  • ใช้ยาต้านจุลชีพในปศุสัตว์

ดังนั้นหากสงสัยภาวะติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อประเมินความจำเป็นของการรักษาด้วยยาต้านจุลชีพ


ที่มา:sanook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น