วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

“ท้องเสีย-ถ่ายเหลว” ควรใช้ยาอะไรบ้าง?

ไม่ว่าจะฤดูไหน ในเมืองไทยก็เสี่ยงอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว หรืออาหารเป็นพิษได้ทั้งปี เพราะอากาศร้อนชื้นในบ้านเราทำให้อาหารเน่าเสียได้ง่าย อาหารบางประเภทมีเชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ภายในไม่กี่นาทีที่ทำเสร็จแล้วตั้งทิ้งไว้โดยไม่อุ่นร้อน หรือนำเข้าตู้เย็น  หากมีอาการท้องเสียแล้ว ควรกินยาอะไรบ้าง และควรปฏิบัติอย่างไรถึงจะถูกต้อง


ถ่ายแบบไหน ถึงเรียกว่า “ท้องเสีย”

อาการท้องเสีย คือการถ่ายเหลวเป็นน้ำ หรือมีกากใยอาหารเพียงเล็กน้อย โดยหากมีอาการถ่ายในลักษณะนี้มากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้งขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง สันนิษฐานได้ว่ากำลังมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น


“ท้องเสีย-ถ่ายเหลว” ควรใช้ยาอะไรบ้าง?

ผงเกลือแร่โออาร์เอส (ORS)

สรรพคุณ : ชดเชยการสูญเสียน้ำ และเกลือแร่จากการถ่ายเหลวบ่อยๆ
วิธีใช้
  • เทผงเกลือแร่ลงในแก้ว เติมน้ำดื่มสะอาด หรือน้ำต้มสุกลงไปตามปริมาณที่ระบุเอาไว้ในฉลากผลิตภัณฑ์ (ซองยา) ดื่มจนหมด หรือค่อยๆ จิบถ้ามีอาการคลื่นไส้


ยาผงถ่าน (คาร์บอน)

สรรพคุณ : ลดอาการแน่นท้อง และทำให้อุจจาระเหลวน้อยลง (ไม่ใช่ยาหยุดถ่าย)
วิธีใช้
  • ดูวิธีกินจากฉลากของยา เพราะยาผงถ่านมีหลายชนิด แต่โดยทั่วไปจะเป็นการกินที่ครั้งละ 2 เม็ด หรือ 3-4 เม็ด ทันทีที่มีอาการ
  • กินทุกๆ 3-4 ชั่วโมง ตามความรุนแรงของอาการท้องเสีย
  • หากยังถ่ายบ่อย หรือยังถ่ายเป็นน้ำอยู่ ให้กินยาให้ถี่ขึ้น
  • ไม่ควรกินยาผงถ่านเกินวันละ 16 เม็ด
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา : ยาคาร์บอน ไม่ใช่ “ยาหยุดถ่าย” เป็นเพียงยาที่เข้าไปช่วยดูดซับสารเคมี สารพิษ รวมถึงเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษออกมาผ่านอุจจาระ อาจช่วยลดอาการถ่ายท้องในรายที่ป่วยเป็นโรคอาหารเป็นพิษที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียได้
หากเป็นอาการท้องเสียที่ไม่ได้มีการติดเชื้อ (ถ่ายเหลว แต่ไม่ได้ปวดบิด อาเจียน หรือมีไข้ร่วมด้วย) ร่างกายจะค่อยๆ หยุดถ่ายไปได้เอง อาจไม่จำเป็นต้องทานยาคาร์บอน เราควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปจากการถ่าย เพื่อป้องกันอาการช็อกจากการขาดน้ำกะทันหันแทน (ทั้งนี้ หากถ่ายเกิน 10 ครั้งแล้วอ่อนเพลียมาก ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการถ่ายเหลวในครั้งนั้นๆ จะดีกว่า)


ยาโลเพอราไมด์

เช่น อีโมเดียม หรือโลเพอราไมด์ จีพีโอ
สรรพคุณ : ใช้ในกรณีที่จิบน้ำเกลือแร่ และกินยาผงถ่านแล้วยังไม่ดีขึ้น
วิธีใช้
  • ห้ามกินหากถ่ายเป็นมูกเลือด
  • กิน 2 เม็ดในครั้งแรก และกินซ้ำครั้งละ 1 เม็ดทุกครั้งที่ถ่ายเหลว
  • ห้ามกินเกิน 8 เม็ดต่อวัน
หากทำทั้ง 3 วิธีนี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง
ข้อควรระวัง : ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะรับประทานเอง ควรขอคำปรึกษาจากเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนรับประทานทุกครั้ง โดยเฉพาะยาหยุดถ่าย และยาฆ่าเชื้อ เพราะเสี่ยงอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น ยาหยุดถ่ายอาจทำให้ร่างกายขับเชื้อโรคออกมาได้ไม่หมด (หากเป็นอาการท้องเสียจากอาการติดเชื้อ ร่างกายจะพยายามกำจัดเชื้อโรคด้วยการขัยถ่าย) หรือยาฆ่าเชื้อ หากกินเมื่อไม่ได้มีเชื้อโรคอะไร หรือรับประทานไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดอาการดื้อยาได้ เป็นต้น
ที่มา:sanook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น