วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ฟรี ! วัคซีน "โรคหัด" สำหรับเด็ก 1-12 ปี วันนี้ถึง 31 มี.ค. 63

กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้จัดกิจกรรมพิธีเปิดโครงการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคหัดในกลุ่มเด็กอายุ 1-12 ปี ตามแผนเร่งรัดการกำจัดโรคหัดของประเทศไทย มุ่งเป้าหมายรณรงค์ให้วัคซีนในกลุ่มเด็กไทยและเด็กต่างชาติที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์นั้น เป็นการให้วัคซีนป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมันแก่เด็กอายุ 1-ต่ำกว่า 7 ปี และให้วัคซีนป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมันแก่เด็กอายุ 7-12 ปี โดยเริ่มดำเนินการโดยพร้อมกันทั่วประเทศเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 

เชิญชวนผู้ปกครองนำเด็กอายุ 1-12 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด ตามแผนเร่งรัดการกำจัดโรคหัดของประเทศไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งในกลุ่มเด็กไทยและเด็กต่างชาติช่วงอายุดังกล่าว ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ทุกราย โดยเป็นการให้วัคซีนป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) แก่เด็กอายุ 1-7 ปี และให้วัคซีนป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมัน (MR) แก่เด็กอายุ 7-12 ปีซึ่งเริ่มดำเนินการทั่วประเทศในวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา


โรคหัด เป็นอย่างไร ?

นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า โรคหัดเป็นโรคติดต่อที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน โรคหัดยังอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ อาการที่พบบ่อยของโรคหัด คือไข้ออกผื่น โดยมักมีไข้สูง 3-4 วัน แล้วเริ่มมีผื่นนูนแดงขึ้นจากหลังหูแล้วลามไปยังใบหน้า กระจายไปตามลำตัว แขน ขา จากนั้นไข้จะลดลงและผื่นค่อย ๆ จางหายไป ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่พบได้คือ คออักเสบ หลอดลมอักเสบจนถึงปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ ท้องเสีย และสมองอักเสบซึ่งเป็นภาวะที่รุนแรงที่สุด หากป่วยด้วยโรคหัดหรือสงสัยว่าเป็นโรคหัดควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว 
สถานการณ์โรคหัดของประเทศไทยมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคจึงได้จัดให้มีการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคหัดอย่างเข้มข้นพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคหัดและหัดเยอรมันในประชาชนกลุ่มเสี่ยง ลดอุบัติการณ์ของโรค โดยมุ่งหวังให้บรรลุเป้าหมายในการกำจัดโรคหัดตามพันธสัญญานานาชาติ จึงขอเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครอง นำบุตรหลานที่มีอายุ 1-12 ปี ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด ได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐทุกแห่ง และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ที่มา:sanook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น