วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562

“เชื้อดื้อยา” ภัยอันตรายจากการกินยาดัก-ยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น

การติดเชื้อดื้อยา เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของไทย เกิดจากการใช้ยาพร่ำเพรื่อ ใช้ยาไม่ถูกวิธี เช่น การกินยาดักไว้ก่อน กินยาฆ่าเชื้อทั้ง ๆ ที่ไม่มีเชื้อโรคให้ฆ่า อันตรายเกิดขึ้นเมื่อป่วยจริงแต่กินยาอะไรก็ไม่หาย และเสี่ยงเสียชีวิตได้

 
ทำความเข้าใจ การใช้ยาปฏิชีวนะ

การใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคต่าง ๆ สามารถช่วยรักษาโรค และอาการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกวิธี แทนที่จะหายจากโรคภัยเหมือนตอนที่ใช้ครั้งแรก ๆ อาจทำให้เชื้อโรคที่เคยถูกกำจัดด้วยยาตัวเดิม เริ่มพัฒนาตัวเองจนสามารถต่อสู้กับยาตัวเดิมได้ เชื้อแบคทีเรียอาจต่อต้านยาปฏิชีวนะตัวเดิมที่เคยใช้ ทำให้การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไม่ได้ผลดีดังเดิม จนต้องเปลี่ยนไปใช้ยาที่ออกฤทธิ์แรงกว่า อาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกายมากกว่า อาจต้องใช้เวลารักษานานขึ้น เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแพงขึ้น หรือผู้ป่วยอาจเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น 

 
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ยาปฏิชีวนะ

ผศ. นพ. พิสนธิ์ จงตระกูล จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า ยาปฏิชีวนะ เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วประสิทธิภาพจะลดลงจากปัญหาเชื้อดื้อยา เมื่อนำมาใช้พร่ำเพรื่อ เชื้อจะดื้อยามากขึ้นเรื่อย ๆ และใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่ออกฤทธิ์ในโรคติดเชื้อไวรัส

 
3 โรครักษาได้ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ

  1. โรคหวัด ไอ เจ็บคอ
  2. โรคท้องร่วง ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ
  3. บาดแผลทั่วไป
อาการเหล่านี้ สามารถหายเองได้ตามอาการที่ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 3-4 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน1 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด ไม่ควรซื้อยามากินเอง

 
ข้อควรระวังในการกินยาปฏิชีวนะ

ยาปฏิชีวนะบางชนิดต้องกินให้ครบตามจำนวนที่แพทย์สั่ง ห้ามหยุดยาเองแม้ว่าจะรู้สึกว่าอาการหายดีแล้ว เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียให้หมด แต่หากโรค หรืออาการที่เป็นอยู่ไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไม่ควรกินยาปฏิชีวนะ หรือหากกินไปแล้ว ก็ควรหยุดยาทันที หากไม่แน่ใจว่าโรค หรืออาการที่เป็นอยู่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือไม่ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียดก่อนกินยา
ที่มา:sanook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น